งาดำ สรรพคุณ และประโยชน์ บำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยนอนหลับ

สมุนไพรรักษาและป้องกันโรค งาดำ สรรพคุณ ผลข้างเคียง บำรุงผิวพรรณ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ลดคอเรสเตอรอล โรคข้อเข่าเสื่อม

ในประเทศไทย งาดำ ถูกประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ในด้านยารักษาโรค อาหาร และเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำไปเติมลงในของกิน หรือแม้กระทั้งนำไปสกัดเป็นน้ำมันงาดำ เพราะเหตุว่าอุดมไปด้วยค่าทางของกิน งาดำ เป็นเม็ดของพืชประเภทหนึ่งที่ภายในอุดมไปด้วยน้ำมัน รวมทั้งยังเป็นแหล่งของโปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินที่นานัปการ ด้วยสารอาหารพร้อมคุณค่าที่มีอยู่เยอะมากทำให้เช้าใจกันว่างาดำนั้นมีสรรพคุณในการรักษาโรคนานาจำพวก

หลายคน รับประทานงาดำ เนื่องจากเชื่อในคุณค่าทางสุขภาพ อย่างเช่น รักษา อัลไซเมอร์ มะเร็ง ข้อเข่าอักเสบ กระดูกเสื่อม วัยทอง ภาวะมีบุตรยาก ลดระดับคอเลสเตอรอล บรรเทาอาการปวด ท้องผูก ป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนน้ำมันงานั้นถูกประยุกต์ใช้ทาเพื่อชะลอความย่ำแย่ของผิวหนัง รักษาผมร่วง คลายความกลุ้มใจ ฯล ปัจจุบันนี้ด้านการแพทย์เสนอแนะให้ใช้ได้อย่างปลอดภัย

 

คุณประโยชน์ทางโภชนาการของงาดำ

 

ทุเลาอาการปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์

สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ การกินงาดำสามารถลดอาการปวดได้ เพราะว่าธาตุทองแดงที่อยู่ในงาดำมีฤทธิ์ต้านทานอาการอักเสบ ทำให้อาการปวดต่ำลง นอกจากนี้ธาตุทองแดงยังมีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนนั้นสำคัญต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ข้อต่อ กระดูกอ่อน และหลอดเลือดให้แข็งแรง

 

บำรุงผิวพรรณแล้วก็กระดูก

งาดำขึ้นชื่อว่าเป็นเมล็ดพืชอีกที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งแคลเซียมที่อยู่ในงาดำนั้นมีมากกว่านมถึง 6 เท่า ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังมีสังกะสีที่ช่วยสร้างเสริมความแข็งแรงของกระดูก เพิ่มมวลกระดูก ก็เลยเหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะหญิงในวัยหมดระดูที่มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน ในขณะที่วิตามินอีที่อยู่ในงาดำก็ยังมีส่วนสำคัญสำหรับการบำรุงผิวพรรณให้นุ่มเปียกชื้น ถ้าหากรับประทานเสมอๆยืนยันได้เลยว่ากระดูกแข็งแรง ผิวพรรณดี ไกลห่างจากริ้วรอยที่วัย ดูเด็กลงได้อีกหลายปีเลย

 

ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

น้ำมันงาเป็นเลิศในน้ำมันจากพืชที่พูดกันว่าดีต่อสุขภาพ โดยมั่นใจว่าอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งเป็นไขมันชนิดดีที่บางทีอาจช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลแล้วก็ในน้ำมันงานี้ยังพบไขมันอิ่มตัวในปริมาณน้อย เนื่องจากว่างาดำสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ จึงทำให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้น เนื่องจากว่าเมื่อร่างกายหรูหราคอเลสเตอรอลที่น้อยลง ก็จะทำให้หลอดเลือดหัวใจสะอาดขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดดีแล้วขึ้น ลดการเสี่ยงได้โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคความดันโลหิตสูง

 

ชะลอการชำรุดของผิวหนัง

ด้วยคุณสมบัติของงาดำ ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แคลเซียม และวิตามินต่างๆที่เชื่อว่ามีคุณลักษณะสำหรับในการซ่อมแล้วก็สร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวพรรณ และก็ลดระดับคอเลสเตอรอลและก็ช่วยเก็บกักออกสิเจน ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการคงจะความอ่อนวัยแล้วก็ชะลอความชำรุดทรุดโทรมของผิวหนัง งาดำเป็นประโยชน์ต่อการบำรุงผิวพรรณให้อ่อนวัย

 

ช่วยทำให้นอนหลับดีขึ้น

แคลเซียมและแมกนีเซียมที่อยู่ในงาดำ มีส่วนสำคัญที่ช่วยบรรเทาความเคร่งเครียด ทำให้มีความรู้สึกบรรเทา นอกจากนั้นทริปโตเฟน (tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีในงาดำก็ยังเข้าไปช่วยสร้างเสริมดำเนินงานของเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้นอนหลับเจริญยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

งาดำ กินยังไงให้ได้ประโยชน์ดีที่สุด ?

 

งาดำมีคุณประโยชน์เยอะมาก แล้วก็สามารถนำไปเพิ่มในของกินหรือเครื่องดื่มใดๆก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ร่างกายได้ประโยชน์จากงาดำสูงสุด เสนอแนะว่าเวลากินควรเคี้ยวงาดำให้แตกก่อนแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยกลืน หรือเอามาบดเป็นผงก่อนแล้วจึงนำมาโรยในของกิน ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากงาดำเยอะขึ้น หรือจะทานเป็นงาดำ แคปซูล ก็ได้เหมือนกัน

 

 

ข้อควรระวังในการรับประทานงาดำ

 

งาดำ ที่เอามาปรุงในของกินเพื่อกินนั้นไม่มีอันตรายต่อสุขภาพสำหรับคนส่วนมาก หากแม้งาดำจะมีสาระในประเด็นการบำรุงสุขภาพแต่ว่าก็ใช่ว่าจะดีเสมอ เพราะการรับประทานงาดำบางทีอาจส่งผลข้างๆได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีการแพ้ถั่ว เนื่องจากงาดำมีสารบางชนิดที่คล้ายกับถั่วลิสง ซึ่งถ้ารับประทานเข้าไปอาจทำให้กำเนิดอาการแพ้ รวมทั้งอันตรายถึงชีวิตได้ ด้วยเหตุดังกล่าวคนที่มีอาการแพ้ถั่วควรต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีงาดำดีที่สุด

 

ในขณะที่ตำราอายุรเวท ยังระบุเหตุว่า สตรีมีครรภ์ในตอน 3 เดือนแรก ก็ไม่สมควรทานงาดำเหมือนกัน เพราะงาดำมีฤทธิ์เป็นยาขับประจำเดือน อาจทำให้แท้งได้

มือใหม่ที่อยากจะดูแลรักษาสุขภาพร่างกายด้วยการกินงาดำ อย่าลืมว่า อาหารทุกประเภทถึงแม้ว่าจะมีสาระกับร่างกายเท่าใดก็ตามที ถ้ารับประทานไม่เพียงพอดี ย่อมกำเนิดโรคภัยรวมทั้งอันตรายต่อสถาพทางร่างกายได้เกือบจะทั้งหมด โดยเหตุนั้นอย่าลืมรับประทานงาดำให้เหมาะสมกับร่างกายในแต่วันด้วยนะคะ

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://thaiherbweb.com/th/products/57135-งาดำ-บำรุงกระดูกและข้อ-thai-herb

วิธีทานสมุนไพร รักษา สุนัขเป็นมะเร็งหรือเนื้องอกในสุนัข การดูแลและรักษาดีจะยืดอายุได้

มะเร็งในหมา วิธี รักษา อาหาร สรรพคุณ ผลดี แนวทางทาน สมุนไพร รักษา โรคมะเร็ง ใน สุนัข อาหารสุนัขมะเร็ง ต้นหญ้าปักกิ่งแคปซูล สุนัข

โรคมะเร็ง เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในสุนัขทุกตัว โดยเฉพาะหมาที่แก่มาก โดยในขณะนี้พบว่าสัตว์เลี้ยงเป็นโรคมะเร็งเยอะขึ้นเรื่อยๆ อาจเนื่องจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีการการอุปถัมภ์สัตว์เลี้ยงที่ ให้ความเอาใจใส่กับสัตว์เลี้ยงเปรียบได้เสมือนดั่งสมาชิกในครอบครัว ทำให้สุนัขมีอายุที่ยืนยาวมากเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าก้อนไม่ปกติที่เกิดขึ้นทุกคราวจะเป็นมะเร็งเสมอ เพราะอาจเป็นก้อนฝี หรือก้อนเนื้อธรรมดาก็ได้ อาการที่ผู้ครอบครองดูได้ง่ายที่สุดคือ การสังเกตพบก้อนไม่ปกติที่ผิวหนังข้างนอกร่างกาย โดยก้อนดังที่กล่าวถึงแล้วมีการโตขึ้นอย่างเร็ว หรือมีการกระจัดกระจายไปยังตำแหน่งอื่นๆเป็นแผลเรื้อรังสุดที่รักษาไม่หาย มีเลือด หรือสิ่งคัดเลือกหลั่งออกมาอยู่ตลอด อาการอื่นๆที่ไม่จำเพาะ ตัวอย่างเช่น มีน้ำหนักตัวต่ำลงอย่างรวดเร็ว เบื่อข้าว เซื่องซึมลง ไม่ออกกำลังหรือออกแรงได้ไม่เหมือนเดิม หายใจไม่สะดวก ฉี่หรืออุจจาระทุกข์ยากลำบาก เป็นต้น

มะเร็งในสุนัข มีหลายประเภท ด้วยเหตุนี้ ก่อนทำรักษาจำต้องวิเคราะห์หาประเภทของมะเร็งก่อนเพื่อที่คุณหมอจะได้วางแผนการรักษาได้ในอนาคต โดยเหตุนี้เจ้าของสัตว์เลี้ยงก็เลยมีส่วนสำคัญในการรักษาไม่น้อยไปกว่าแพทย์เลย โดยที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรจะทำความเข้าใจให้เด่นชัดถึงความเสี่ยง และก็ขั้นตอนรักษาต่างๆเพราะโรคมะเร็งบางประเภทนอกจากการผ่าตัดเอาก้อนโรคมะเร็งออกแล้ว อาจจำต้องรักษาร่วมกับการใช้เคมีบรรเทาร่วมด้วย ผู้ครอบครองสัตว์เลี้ยงต้องดูแลสัตว์เลี้ยงสนิทสนม
การใช้สมุนไพรก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการรักษาโรคร้ายที่ไม่ประสงค์นี้ได้ มีสมุนไพรไทยหลายประเภท ที่มีคุณประโยชน์ รักษาโรคโรคมะเร็ง ทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค และก็บำรุงฟื้นฟูร่างกายของสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราได้ ได้แก่ สมุนไพรหญ้าปักกิ่ง ฮว่านง็อก เห็ดหลินจือ เบญจอำมฤตย์ และอื่นๆอีกหลายชนิด

 

 

หญ้าปักกิ่ง เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว สกุล Commelinaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Murdannia loriformis (Hassk.) Rolla Rao et Kammathy ถิ่นเกิดของต้นหญ้าเมืองปักกิ่งอยู่ในดินแดนสิบสองปันนา เขตยูนนาน ประเทศจีน ปัจจุบันนี้มีการปลูกต้นหญ้าปักกิ่งทั่วๆไปในประเทศไทย
ยาจีนใช้ต้นหญ้าปักกิ่งบรรเทาอาการเกี่ยวกับทางเท้าหายใจและขับพิษ ส่วนในประเทศไทย ผู้ป่วยมะเร็งประเภทต่างๆดื่มน้ำคั้นต้นหญ้าปักกิ่งจากส่วนเหนือดินของต้นหญ้าปักกิ่งรักษาตัวเอง เพื่อช่วยยืดชีวิตรวมทั้งลดผลข้างเคียงจากการดูแลรักษาแผนปัจจุบันมานานกว่า 30 ปี เว้นแต่ฤทธิ์ยั้งเซลล์ของโรคมะเร็งโดยตรงต่อเซลล์ของโรคมะเร็งเต้านม ปอด ลำไส้ใหญ่และก็ตับ ต้นหญ้าปักกิ่งเป็นสมุนไพรที่น่าดึงดูดรวมทั้งเริ่มจะมีการศึกษาเรียนรู้วิจัยออกมาช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่น จากการเล่าเรียนต้นหญ้าเมืองปักกิ่งเพื่อใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง ไม่เจอความเป็นพิษ เมื่อทำการค้นคว้าในหลอดทดสอบนั้นพบว่ามีฤทธิ์ต่อต้านโรคมะเร็ง พวกโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และก็เซลล์ของโรคมะเร็งเต้านม โดยพบว่ามีสารกลัยวัวสฟิงโกไลปิดส์ (จี1บี) ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งปานกลางของเซลล์ของมะเร็ง ที่สำคัญยังพบว่าหญ้าปักกิ่งมี ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง พบว่าผู้เจ็บป่วยที่รับประทานหญ้าปักกิ่งเมื่อได้รับการรักษาแบบแผนตอนนี้นั้น คนไข้เป็นทุกข์ทรมานต่ำลงจากผลข้างเคียงของการฉายรังสี และก็ เคโมเทอราปีส์ ยับยั้งการแพร่กระจายของโรคมะเร็งรวมทั้งการกลับมาเป็นอีก รวมทั้งใช้ปรับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

สรรพคุณ : สร้างเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย แก้ไข้ แก้ร้อนใน แก้น้ำเหลืองเสีย

จากฐานข้อมูลความคิดการแพทย์แผนไทย ในแบบเรียนการแพทย์แผนไทยเจอตำรับยาไทยรวมทั้งความคิดหมอพื้นเมืองที่ใช้สมุนไพรในรูปของยาตำรับรักษาอาการมีอยู่มากมาย สถาบันวิจัยการแพทย์แผนไทย นำสูตรยาสมุนไพรโบราณ เบญจอมฤตย์ สูตรยาในตำราแพทยศาสตร์อนุเคราะห์มาทำการศึกษาเรียนรู้วิจัยซึ่งพบว่า ยาตำรับนี้มีคุณประโยชน์ ต่อต้านเซลล์ของมะเร็ง !!
ยาตำรับนี้มีตัวยา 9 ประเภท ดังเช่นว่า รงทอง มหาหิงค์ ยาดำ มะกรูด ขิงแห้ง ดีปลี พริกไทย รากทนดี แล้วก็ดีเกลือ ซึ่งในคุณประโยชน์ของยาที่ปรุงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มยาระบาย ยาขับลม ซึ่งตัวที่ออกฤทธิ์เป็น รงทองโดยสมุนไพรประเภทนี้มีฤทธิ์ต่อต้านเซลล์มะเร็งและด้วยยาตำรับนี้มีความสะดุดตาในเรื่องของยาระบาย ยาขับลม โดยยาที่อยู่ภายในร่างกายจะอยู่ได้ไม่นานจะถูกขับทำลายออกมาซึ่งสิ่งนี้เป็นความคิดไทยเป็นความเฉียบแหลมของคนรุ่นเก่าซึ่งปรุงยาดังกล่าวมาแล้วข้างต้นไว้

เวลาเดียวกันก็มีการผายลม เรอ โดย ขิง ดีปลี พริกไทยเป็นสมุนไพรช่วยขับลม ส่วนยาดำ ดีเกลือ รากทนดี เป็นยาระบายด้วยเหมือนกันช่วยทำให้มีการถ่ายราวการดูแลรักษาแผนปัจจุบันซึ่งในการรักษาโรคมะเร็งตับ โรคตับแข็ง จะต้องใช้ยาระบายให้คนไข้ถ่ายระบายเช่นกัน ตำรับยาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจากการศึกษาเรียนรู้วิจัยเริ่มต้นที่หลอดทดสอบ ปรุงยาขึ้นมาโดยเอามาทดลองกับเซลล์มะเร็งในหลอดทดสอบ ผลที่ได้คือ ยามีผลต่อเซลล์ของโรคมะเร็งตับลำดับแรกโดยฆ่าเซลล์ของโรคมะเร็งตับเจริญ ยิ่งไปกว่านี้ยังได้เรียนถึงเซลล์ของโรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งก็ได้ผลรองลงมา จากนั้นก็เอามาทดสอบความเป็นพิษในสัตว์ทดลองซึ่งผลของการทดสอบความเป็นพิษพบว่ายาตำรับนี้ไม่มีอันตรายในสัตว์ทดสอบ...

การดูแลรักษาด้วยแนวทางเคมีบรรเทา (Chemotherapy) หรือที่เรามักเรียกกันติดปากว่า การทำคีโม นั้น เป็นวิธีรักษาโรคโรคมะเร็งทางหนึ่ง นอกเหนือจากการรักษาทางด้านศัลยกรรม (การผ่าตัด) การฉายรังสี หรือการรักษาหนทางแบบอื่นๆได้แก่ Immunotherapy, Herbal therapy อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเป็นวิธีที่พวกเราให้ยาเคมีเข้าไปจัดแจงไม่ให้เซลล์ของโรคมะเร็งเติบโตหรือทำให้เซลล์ของโรคมะเร็งตายไป โดยกลไกการออกฤทธิ์ของยาเคมีบรรเทานั้น จะนาๆประการในแต่ของกลุ่มของยา แต่ว่ากล่าวโดยสรุปก็คือ ยานั้นจะเข้าไปออกฤทธิ์ในวงจรหรือระยะในวงชีพของเซลล์ ทำให้เซลล์ของโรคมะเร็งสกัดกั้นหรือชะลอการเจริญเติบโต หรือทำให้ไม่แบ่งตัวอย่างเร็ว ซึ่งแพทย์บางทีก็อาจจะเลือกใช้วิธีการนี้ เป็นทางรักษาหลักหรือใช้เป็นการรักษาเสริมร่วมกับกระบวนการรักษาอื่นๆก็ได้ รวมทั้งบางครั้งก็อาจจะเลือกใช้ยาเคมีเพียงแค่ตัวเดียว หรืออาจเลือกใช้ยาหลายๆตัวเข้ามาด้วยกันรักษาด้วยก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคมะเร็งในสุนัข ความรุนแรง (malignancy) ระยะ สภาพของสัตว์เจ็บป่วย ตลอดจนความพร้อมเพรียงของผู้ครอบครองด้วย
ผลข้างเคียงของการใช้ยาเคมีบำบัดในหมา

เนื่องมาจากการใช้ยาเคมีบำบัดรักษาที่ให้ บางครั้งก็อาจจะไปทำลายเซลล์ของมะเร็งและก็เซลล์ปกติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซลล์ที่มีการเจริญเติบโตตลอดระยะเวลา ได้แก่ เซลล์ผิวหนัง เซลล์ลำไส้ ฯลฯ อาจจะส่งผลให้เกิดความไม่ดีเหมือนปกติที่ไม่ประสงค์ตามมาได้ ในหมามักมีผลไปกดหลักการทำงานของไขกระดูก (myelosuppression) แล้วก็ในสุนัขบางชนิด ดังเช่น Collie, Cocker spaniel, Old English sheepdog ฯลฯ มักไวต่อยาเคมีบำบัดมากมาย ทำให้มีการเกิดผลกระทบแบบทันควัน (acute adverse reaction) ได้ง่าย จึงจำเป็นต้องให้ความรอบคอบเป็นพิเศษ สำหรับความไม่ปกติไม่พึงประสงค์ ที่สามารถเจอได้ภายหลังจากได้รับยาเคมีบำบัดรักษา เมื่อรู้ความน่าสยดสยองของโรคมะเร็งแล้ว เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรหมั่นตรวจลูบคลำสัตว์เลี้ยงของท่านอยู่บ่อยเพื่อจะได้ตรวจพบความแปลกได้แต่เนิ่นๆหรือพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพโดยสัตว์แพทย์บ่อยๆทุกปีนะคะ

 

ขอบคุณบทความจาก : https://thaiherbweb.com/th/articles/117342-สุนัขเป็นมะเร็ง-วิธีการรักษา-การดูแล-ยา-สมุนไพรรักษามะเร็งในสุนัข

13 คุณประโยชน์ที่น่าดึงดูดของกระเทียม กับการรักษาโรค

13 คุณประโยชน์ที่น่าดึงดูดของกระเทียม สมุนไพร กระเทียม แคปซูล Thai Herb ลดความดัน ไขมัน คลอเรสเตอรอล สรรพคุณและประโยชน์ สมุนไพรรักษาโรค ป้องกันมะเร็ง ราคาส่ง ราคาถูก

  

กระเทียมมีกลิ่นแรงแล้วก็ดีในจานของกินของพวกเรา  กระเทียมมีการใช้หลายคราวตลอดอายุ กระเทียมมีวิตามิน C รวมทั้ง B6 แมงกานีสซีลีเนียมแล้วก็สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ(allicin)การศึกษาเรียนรู้วิจัยตามหลักฐานปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าสมุนไพรกระเทียมอาจมีผลต่อความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและก็เส้นเลือด คอเลสเตอรอล โรคไข้หวัดและโรคมะเร็งบางชนิด  แต่ว่ามีเพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า เพราะเหตุไรจึงนับว่าเป็นสมุนไพรที่ดีต่อร่างกาย?  สารอัลลิสินสารประกอบทางเคมีที่สำคัญซึ่งเป็นส่วนประกอบการดูแลและรักษาที่เยี่ยมที่มีคุณภาพยาหลายแบบ สารอัลลิสิน มีกำมะถันซึ่งจะช่วยทำให้สมุนไพรรสขมรวมทั้งกลิ่นแปลกๆคุณประโยช์จากกระเทียมต่อร่างกายนับไม่ถ้วน ช่วยลดอาการหัวใจวาย ไข้หวัดและก็ลดความดันเลือด

 

กระเทียมคืออะไร? 

กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่โบราณที่สุดที่รู้จักกันดีหรือเครื่องเทศสำหรับการดำรงในเชื้อสายแอลเลียมแต่ว่าตัวที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดดเด่นระดับซูเปอร์สตาร์ คือ กระเทียม หอมใหญ่ หอมเล็ก กระเทียมต้น ผักพวกนี้มีสารฟลาโวนอยด์ วิตามินซี ซีลีเนียม และก็ซัลเฟอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติสำหรับในการต้านโรคมะเร็งที่ดี  มนุษยชาติได้รับการยอมรับถึงคุณลักษณะด้านการแพทย์ของสมุนไพรกระเทียมมากกว่า 3,000 ปีให้หลัง Sir Louis Pasteur นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบพาสเจอร์ไรส์ได้ใช้ประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์กระเทียมอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการต้านเชื้อแบคทีเรียของสมุนไพรกระเทียมไปตลอดทางในปี คริสต์ศักราช 1858

 

คุณประโยชน์ ประโยชน์ แล้วก็โทษของสมุนไพรกระเทียม กับการดูแลรักษาโรคต่างๆ

 

ศัลยแพทย์ทางด้านการแพทย์สงครามโลกครั้งที่หนึ่งใช้ ประโยชน์ของน้ำกระเทียม ต่อร่างกายเป็นสารฆ่าเชื้อโรคสำหรับในการรักษารอยแผลของการทำศึก ประกอบด้วยแร่ที่มีสาระ ได้แก่ ฟอสฟอรัส แคลเซียม และก็ ธาตุเหล็ก รวมถึงแร่ต่างๆตัวอย่างเช่นไอโอดีน ซัลเฟอร์ และก็ คลอรีน ซึ่งมีอยู่ในสมุนไพรกระเทียม

 

ผลดีต่อร่างกายของกระเทียม

 

ช่วยเพิ่มการย่อยอาหาร

 

เพิ่มสมุนไพร กระเทียมในของกินของคุณช่วยสำหรับการแก้ไขปัญหาทางเดินอาหารอะไรก็ตามสมุนไพรช่วยสำหรับในการดำเนินงานธรรมดาของไส้เพื่อการย่อยอาหารที่ดี แม้กระทั้งการบวมหรือการระคายเคืองของกระเพาะอาจปรับแก้ได้ด้วยการใช้สมุนไพร กระเทียม แคปซูล สำหรับในการรักษา

 

ควบคุมโรคเบาหวาน

 

โรคเบาหวานอาจมีอันตรายต่อไต, ยั้งแนวทางการทำงานของระบบประสาท, กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความเปลี่ยนไปจากปกติของหัวใจและก็กระทั่งนำมาซึ่งการก่อให้เกิดสายตาที่ไม่ดี น้ำมันสกัดจากกระเทียมอาจช่วยป้องกันผู้ป่วยเบาหวานจากอาการข้างๆพวกนี้ได้

 

ลดระดับคอเลสเตอรอล

 

ทั้งสองประเภทของคอเลสเตอรอล ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้คน กระเทียมอุดมไปด้วยสาร อัลลิสิน ช่วยคุ้มครองคอเลสเตอรอลจากการออกสิไดซ์ได้อย่างมีคุณภาพ ทุกคนที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงควรจะรวมสมุนไพรรักษาโรค กระเทียม แคปซูล นี้ในอาหารประจำวันของพวกเขา

 

ลดระดับความดันเลือดสูง

 

สมุนไพรกระเทียมเป็นส่วนผสมสมุนไพรสำหรับรักษาความดันโลหิตสูง เมื่อสัมผัสกับแรงกดดันสูง อัลลิซิน ที่อยู่ในตัวมันจะช่วยบรรเทาเส้นเลือด นอกเหนือจากนี้ยังต่อสู้กับการเกิดลิ่มเลือดด้วยการลดการรวมเกล็ดเลือด

 

บำรุงรอบดวงตา

 

กระเทียมอุดมไปด้วยสารอาหารอาทิเช่น ซีลีเนียม และก็ซัลเฟอร์ รวมทั้ง vitamin C ซึ่งทั้งสิ้นนี้ช่วยในการรักษาโรคตาแล้วก็อาการบวม

 

ทุเลาอาการปวดหู

 

กระเทียมมักใช้เพื่อการรักษาลักษณะของการปวดหัวเพราะเหตุว่ามีคุณลักษณะต่อต้านเชื้อไวรัส ยาต่อต้านเชื้อราแล้วก็ยาปฏิชีวนะหลายอย่าง น้ำมันของกระเทียมสามารถทำที่บ้านโดยการบีบน้ำจากกลีบกระเทียมและก็เพิ่มน้ำมันที่ทำจากมะกอก ควรจะเก็บส่วนประกอบไว้ที่อุณหภูมิปกติเป็นเวลาสองสามวัน แต่ไม่ควรเก็บไว้อย่างไม่มีระบุหากทำที่บ้าน

 

รักษาปัญหาเกี่ยวกับลำไส้เล็ก

 

กระเทียมช่วยแก้ปัญหาในลำไส้ อาทิเช่น โรคบิด, โรคท้องร่วงและโรคลำไส้ใหญ่บวม ไม่ส่งผลต่อ หลักการทำงานของสิ่งมีชีวิตที่มีคุณประโยชน์ในลำไส้ซึ่งช่วยในการย่อยของกิน แต่ไม่ทำลายแบคทีเรียที่เกิดอันตรายที่มีอยู่ในลำไส้

 

โรคไข้หวัด

 

กระเทียมดิบใช้สำหรับการรักษาโรคหวัดและไอ เมื่อเริ่มมีอากาศเย็นคุณควรจะรับประทานกระเทียมบดขั้นต่ำสองกลีบซึ่งจะช่วยสำหรับเพื่อการลดความรุนแรงของอาการหวัดได้

 

รักษาสิว

 

ครึ่งเดียวของคนทั่วโลกจะต้องทนทุกข์ทรมานจากสิวที่ร้ายแรง กระเทียมสามารถใช้พร้อมด้วยส่วนประกอบอื่นๆเช่น น้ำผึ้งครีมแล้วก็ขมิ้น เพื่อรักษาแผลเป็นจากสิวและป้องกันการเกิดสิวเริ่มต้น กระเทียมปฏิบัติภารกิจเป็นน้ำยาชำระล้างแล้วก็สารยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยทำให้ผิวผื่นขึ้น

 

ควบคุมโรคหอบหืด

 

สมุนไพร กระเทียมที่ดีที่สุดเป็นโอกาสการรักษาโรคหอบหืด ในแต่ละคืนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้นอนแก้วนมที่มีต้ม 3 กลีบกระเทียมสามารถนำมาบรรเทาได้ภายหลังสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด การโจมตีด้วยโรคหอบหืดบางทีอาจถูกควบคุมโดยการใช้กระเทียมบดกับน้ำส้มสายชูมอลต์เหมือนกัน

 

กระเทียมมีคุณประโยชน์ทางยาโป๊ ด้วยเหตุนั้นก็เลยสามารถใช้เป็นสิ่งเร้าความรู้สึกแบบมีเพศสัมพันธ์สำหรับเพศได้ ผลดีต่อร่างกายของกระเทียมเป็นที่รู้จักกันเพื่อเพิ่มความปรารถนาของชายแล้วก็หญิง ผู้ที่ล่วงล้ำในกิจกรรมทางเพศควรจะบริโภคกระเทียมในอาหารหรือในต้นแบบเสริมอาหารกระเทียม แคปซูล เพื่อปกป้องตนเองจากความอ่อนเพลียด้วยระบบประสาท

 

ป้องกันโรคมะเร็ง

 

ปริมาณธรรมดาของกระเทียมลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่กระเพาะอาหารและก็หลอดอาหาร ช่วยสำหรับการลดการสร้างสารก่อมะเร็งและก็ลดการเกิดเนื้องอกที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งเต้านม

 

รายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับสมุนไพรอัศจรรย์นี้

 

ผลดีต่อสุขภาพของกระเทียมได้ใส่ใจมานานนับศตวรรษมาแล้วโดยมนุษย์ มันมีคุณภาพมากเมื่อกินกระเทียมดิบ บดหรือสับ เพียงแต่หนึ่งกลีบของกระเทียมต่อวันบางทีอาจก่อให้เกิดการแก้ไขสุขภาพโดยรวมของคุณตอนที่ 2 ถึง 3 กลีบสามารถคุ้มครองป้องกันการจู่โจมของโรคไข้หวัดได้

 

แต่การบริโภคมากจนเกินความจำเป็นก็ยังไม่ดีมากเพราะเหตุว่าอาจจะส่งผลให้มีการเคืองในระบบทางเดินอาหาร ข้อเสียเปรียบเพียงแต่ประการเดียวเป็นกลิ่นฉุนและก็รสชาติที่ออกมาจากกลิ่นปาก แต่ว่านอกเหนือจากนั้นสมุนไพรกระเทียมมีประโยชน์สำหรับมนุษย์!

 

ที่มา : https://thaiherbweb.com/th/products/242586-กระเทียมคัดแคปซูล-thai-herb-ลดความดัน-ลดไขมันในเลือด-คลอเรสเตอรอล-ป้องกันมะเร็ง

ใบย่านาง สรรพคุณ อาหารที่เป็นยา ได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง??

ใบย่านาง สรรพคุณ ประโยชน์ โทษของใบย่านาง สมุนไพรออกฤทธิ์เย็น ดับพิษร้อน หน้าร้อน ชะลอความแก่จากร่างกายเสื่อมเพราะร้อน

 

สมุนไพรรักษาโรค ใบย่านาง แคปซูล ในยาแผนโบราณเอเซียอาคเนย์ยาสมุนไพร ย่านาง แคปซูล นี้ถูกใช้เป็นยาสมุนไพรเพื่อบรรเทาไข้ ต้านทานการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระและคุ้มครองแบคทีเรีย ใบย่านางมีสารโพลีฟีนอล ฟลาโวนอยด์อัลคาลอยด์ บีแคโรทีน และ แร่ธาตุ อาทิเช่นแคลเซียมรวมทั้งเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระและก็ช่วยลดความเสื่อมโทรมของอนุมูลอิสระ ต่อต้านการอักเสบ ลดการอักเสบของอวัยวะภายใน

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า ใบย่านาง มีโภชนาการมากยิ่งกว่า 10 ประเภท ประกอบด้วยสารอาหารที่อุดมด้วยธาตุอาหารสูงที่สุด ดังเช่น เส้นใย แคลเซียม เหล็ก สาร B-carotene วิตามินเอวิตามินซี และก็ ธาตุฟอสฟอรัส

น้ำใบย่านาง สามารถสกัดได้ด้วยโดยการใช้มือทั้งสองถูบนใบไปมาในน้ำจวบจนกระทั่งสารคลอโรฟิลล์ในใบออกมาในน้ำเพื่อสร้าง "เครื่องดื่มดีท็อกซ์" เครื่องดื่มนี้แจ่มใสมากมายและก็มีคุณลักษณะที่เย็นสบายมั่นใจว่าสามารถรักษาลักษณะของการเจ็บป่วยไข้ได้หลายแบบ

แพทย์โอกาสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ใช้ใบที่สกัดจาก สมุนไพรรักษาโรค ใบย่านาง สมุนไพรที่ได้มาจากธรรมชาติเพื่อรักษาโรคอะไรบางอย่างได้แก่ มะเร็ง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ไทรอยด์เป็นพิษ ไมเกรน กรดไหลย้อน ไซนัส ภูมิแพ้ แล้วก็ อื่นๆอีกมากมาย จากปรัชญาการแพทย์ตะวันออกมั่นใจว่าการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นมาจากความไม่สมดุลของ "พลังงาน Yin-Yang" ร่างกายอาจมี "พลังงานหยาง"(ความร้อน) มากเกินความจำเป็นเพราะรับประทานอาหารที่ไม่ถูกความถูกอนามัย ความเครียด การนอนไม่หลับ การออกกำลังกายน้อย กิจกรรมทางสังคม อื่นๆอีกมากมาย ในการรักษาความเจ็บไข้ควรจะเพิ่ม "พลังงานหยิน"(ความเย็น) เพื่อร่างกายมีความสมดุลซึ่งหมายถึง การทานสมุนไพรเย็น การกินอาหารเพื่อสุขภาพ ลดระงับความเครียด การออกกำลังกายช้าๆมีเรื่องมีราวราวที่ประสบผลสำเร็จล้นหลามที่อยู่เบื้องหลังการใช้ สมุนไพร ใบย่านาง จากผู้ปฏิบัติการพวกนั้น เมื่อร่างกายไม่สมดุลระหว่าง "อบอุ่น" แล้วก็ "เย็น" ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพหลายสิ่งหลายอย่างอาจเกิดขึ้น

 

สรรพคุณ ประโยชน์ โทษของใบย่านาง

หมอสมุนไพรยังชี้แนะว่า "ย่านาง" ซึ่งจัดเป็นสมุนไพร "เย็น" สามารถปรับสมดุลระหว่าง "อุ่นหรือหยาง" และก็ "เย็นหรือหยิน" ของร่างกายหรือช่วยบรรเทาอาการหรือรักษาลักษณะของการป่วยบางสิ่งบางอย่างได้ดังต่อไปนี้

- สารต้านอนุมูลอิสระแล้วก็ช่วยลดความทรุดโทรมของอนุมูลอิสระ
- ต้านการอักเสบ ลดการอักเสบของอวัยวะภายใน
- ความเปลี่ยนไปจากปกติของผิวหนัง
- แผลแล้วก็แผลในช่องปาก
- ผู้กระทำรนปากแห้ง
- เปลี่ยนสีผมเป็นสีเทาหรือขาวก่อน
- เส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก
- รอยฟกช้ำรวมทั้งจุดสีน้ำเงินหรือสีดำใต้ผิวหนังการเปลี่ยนแปลงใน
โทนผิวคล้ายกับผิวไหม้
- ฝี, ต่อมน้ำเหลืองดำเนินงานไม่ดีเหมือนปกติ
- ลดการอักเสบ ปวดบวม ตามร่างกายหรือข้อต่อ
- กล้ามเนื้อตึงกล้ามมีความรู้สึกไวต่อการสัมผัสกล้ามเนื้อ
- ท้องผูก อุจจาระแข็งแล้วก็แห้งสลับกับท้องเดิน
- ฉี่ที่มีสีเข้มน้อยไม่ปรกติ,
- ฉี่หลายครั้งเลือดผสมเยี่ยวช่วงเวลากลางคืน
- ความรู้สึกแสบร้อนในกระเพาะบางคราวก็มากับแก๊สในกระเพาะ ลักษณะของกรดไหลย้อน
- ลมหายใจร้อนเสลดเหนียว
- อยากนอน เมื่อยล้าง่าย
- เลือดออกจากจมูก
- ง่วงหลังอาหาร
- ไม่สามารถชูแขนขึ้นสูงได้เหตุเพราะมีไหล่ล็อค
- เล็บที่ไม่แข็งแรงเปลี่ยนสีเล็บเปราะสีน้ำตาลหรือสีดำ
- เวียนหัว, เป็นลมเป็นแล้ง, คลื่นไส้
- โรคอื่นๆ- โรคมะเร็ง โรคเกาต์ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันสูง โรคไมเกรน กรดไหลย้อน ไซนัส ภูมิแพ้ เนื้องอก นิ่วในถุงน้ำดี โรคต่อมไทรอยด์ แผลในกระเพาะ, ตับอักเสบ, ไตวาย, กระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ

สำหรับเบาหวาน

สมุนไพรรักษาโรค ใบย่านาง มีคุณประโยชน์ เย็นโดยเหตุนั้นจึงสามารถช่วยสำหรับการลดน้ำตาลในเลือดในระบบเลือด ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานมีกรดมากจนเกินไปในร่างกายทำให้ร่างกายหยุดผลิตอินซูลิน เหตุเพราะอินซูลินช่วยสำหรับเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงานเมื่อร่างกายมีความเป็นกรดสูงจะหยุดการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงานทำให้คนไข้สะสมระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเป็นเวลาทำงานของร่างกาย การกินน้ำใบย่านาง จะช่วยลดกรดภายในร่างกายและก็ทำให้ร่างกายเย็นลง เมื่อร่างกายมีความเป็นกรดน้อยอินซูลินจะกลับมาทำงานตามปกติ โดยเหตุนี้ สมุนไพร ย่านาง จะช่วยสร้างสมดุลให้กับผู้เจ็บป่วยเบาหวาน

กระบวนการทำน้ำคั้นใบย่านาง

ใช้ใบ 8-9 ใบล้างออกให้สะอาดรวมทั้งใช้เครื่องปั่นผสมกับน้ำ 1 1/2 ถ้วย ใช้เครื่องร่อนเพื่อกรองเส้นใยออก ยังสามารถผสมน้ำผึ้งเพิ่ม 1-2 ช้อนชาเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำใบย่านาง ดื่มเมื่อท้องว่าง 2-3 ครั้งต่อวัน สามารถทำน้ำสกัดใบย่านางได้มากขึ้นโดยใช้ใบผสมเพิ่มแล้วเติมน้ำผสมกระทั่งสีเขียวจาง
เพียงเท่านี้ก็จะได้เครื่องดื่มสมุนไพรเย็นๆมาดื่มดับร้อน แก้ไข้หวัด แก้ร้อนใน แถมยังได้ประโยชน์จากย่านางด้วย ที่สำคัญคือการดื่มน้ำสมุนไพรจะสามารถช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกสบายตัว อีกทั้งยังช่วยให้การเผาไขมันได้อีกด้วย

ได้รู้ถึงคุณประโยชน์และผลดีทุกส่วนของสมุนไพรรักษาโรค ใบย่านางกันไปแล้ว...จำเป็นต้องเรียกว่าเป็นสมุนไพร ยาอายุวัฒนะที่เราควรหามาปลูกเอาไว้ในบ้าน เด็ดใบมาต้มเป็นเครื่องดื่มประจำ กันดีกว่าจ้ะ หรือถ้าไม่สะดวกจะหาแบบแคปซูลมาทานก็ไม่ว่ากันนะค่ะ ได้ค่า คุณประโยชน์ทางยาไม่มีความแตกต่างกันค่ะ

 

ใบย่านาง สรรพคุณ อาหารที่เป็นยา ได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง??

ใบย่านาง สรรพคุณ ประโยชน์ โทษของใบย่านาง สมุนไพรออกฤทธิ์เย็น ดับพิษร้อน หน้าร้อน ชะลอความแก่จากร่างกายเสื่อมเพราะร้อน

 

สมุนไพรรักษาโรค ใบย่านาง แคปซูล ในยาแผนโบราณเอเซียอาคเนย์ยาสมุนไพร ย่านาง แคปซูล นี้ถูกใช้เป็นยาสมุนไพรเพื่อบรรเทาไข้ ต้านทานการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระและคุ้มครองแบคทีเรีย ใบย่านางมีสารโพลีฟีนอล ฟลาโวนอยด์อัลคาลอยด์ บีแคโรทีน และ แร่ธาตุ อาทิเช่นแคลเซียมรวมทั้งเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระและก็ช่วยลดความเสื่อมโทรมของอนุมูลอิสระ ต่อต้านการอักเสบ ลดการอักเสบของอวัยวะภายใน

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า ใบย่านาง มีโภชนาการมากยิ่งกว่า 10 ประเภท ประกอบด้วยสารอาหารที่อุดมด้วยธาตุอาหารสูงที่สุด ดังเช่น เส้นใย แคลเซียม เหล็ก สาร B-carotene วิตามินเอวิตามินซี และก็ ธาตุฟอสฟอรัส

น้ำใบย่านาง สามารถสกัดได้ด้วยโดยการใช้มือทั้งสองถูบนใบไปมาในน้ำจวบจนกระทั่งสารคลอโรฟิลล์ในใบออกมาในน้ำเพื่อสร้าง "เครื่องดื่มดีท็อกซ์" เครื่องดื่มนี้แจ่มใสมากมายและก็มีคุณลักษณะที่เย็นสบายมั่นใจว่าสามารถรักษาลักษณะของการเจ็บป่วยไข้ได้หลายแบบ

แพทย์โอกาสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ใช้ใบที่สกัดจาก สมุนไพรรักษาโรค ใบย่านาง สมุนไพรที่ได้มาจากธรรมชาติเพื่อรักษาโรคอะไรบางอย่างได้แก่ มะเร็ง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง ไทรอยด์เป็นพิษ ไมเกรน กรดไหลย้อน ไซนัส ภูมิแพ้ แล้วก็ อื่นๆอีกมากมาย จากปรัชญาการแพทย์ตะวันออกมั่นใจว่าการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นมาจากความไม่สมดุลของ "พลังงาน Yin-Yang" ร่างกายอาจมี "พลังงานหยาง"(ความร้อน) มากเกินความจำเป็นเพราะรับประทานอาหารที่ไม่ถูกความถูกอนามัย ความเครียด การนอนไม่หลับ การออกกำลังกายน้อย กิจกรรมทางสังคม อื่นๆอีกมากมาย ในการรักษาความเจ็บไข้ควรจะเพิ่ม "พลังงานหยิน"(ความเย็น) เพื่อร่างกายมีความสมดุลซึ่งหมายถึง การทานสมุนไพรเย็น การกินอาหารเพื่อสุขภาพ ลดระงับความเครียด การออกกำลังกายช้าๆมีเรื่องมีราวราวที่ประสบผลสำเร็จล้นหลามที่อยู่เบื้องหลังการใช้ สมุนไพร ใบย่านาง จากผู้ปฏิบัติการพวกนั้น เมื่อร่างกายไม่สมดุลระหว่าง "อบอุ่น" แล้วก็ "เย็น" ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพหลายสิ่งหลายอย่างอาจเกิดขึ้น

 

สรรพคุณ ประโยชน์ โทษของใบย่านาง

หมอสมุนไพรยังชี้แนะว่า "ย่านาง" ซึ่งจัดเป็นสมุนไพร "เย็น" สามารถปรับสมดุลระหว่าง "อุ่นหรือหยาง" และก็ "เย็นหรือหยิน" ของร่างกายหรือช่วยบรรเทาอาการหรือรักษาลักษณะของการป่วยบางสิ่งบางอย่างได้ดังต่อไปนี้

- สารต้านอนุมูลอิสระแล้วก็ช่วยลดความทรุดโทรมของอนุมูลอิสระ
- ต้านการอักเสบ ลดการอักเสบของอวัยวะภายใน
- ความเปลี่ยนไปจากปกติของผิวหนัง
- แผลแล้วก็แผลในช่องปาก
- ผู้กระทำรนปากแห้ง
- เปลี่ยนสีผมเป็นสีเทาหรือขาวก่อน
- เส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก
- รอยฟกช้ำรวมทั้งจุดสีน้ำเงินหรือสีดำใต้ผิวหนังการเปลี่ยนแปลงใน
โทนผิวคล้ายกับผิวไหม้
- ฝี, ต่อมน้ำเหลืองดำเนินงานไม่ดีเหมือนปกติ
- ลดการอักเสบ ปวดบวม ตามร่างกายหรือข้อต่อ
- กล้ามเนื้อตึงกล้ามมีความรู้สึกไวต่อการสัมผัสกล้ามเนื้อ
- ท้องผูก อุจจาระแข็งแล้วก็แห้งสลับกับท้องเดิน
- ฉี่ที่มีสีเข้มน้อยไม่ปรกติ,
- ฉี่หลายครั้งเลือดผสมเยี่ยวช่วงเวลากลางคืน
- ความรู้สึกแสบร้อนในกระเพาะบางคราวก็มากับแก๊สในกระเพาะ ลักษณะของกรดไหลย้อน
- ลมหายใจร้อนเสลดเหนียว
- อยากนอน เมื่อยล้าง่าย
- เลือดออกจากจมูก
- ง่วงหลังอาหาร
- ไม่สามารถชูแขนขึ้นสูงได้เหตุเพราะมีไหล่ล็อค
- เล็บที่ไม่แข็งแรงเปลี่ยนสีเล็บเปราะสีน้ำตาลหรือสีดำ
- เวียนหัว, เป็นลมเป็นแล้ง, คลื่นไส้
- โรคอื่นๆ- โรคมะเร็ง โรคเกาต์ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันสูง โรคไมเกรน กรดไหลย้อน ไซนัส ภูมิแพ้ เนื้องอก นิ่วในถุงน้ำดี โรคต่อมไทรอยด์ แผลในกระเพาะ, ตับอักเสบ, ไตวาย, กระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ

สำหรับเบาหวาน

สมุนไพรรักษาโรค ใบย่านาง มีคุณประโยชน์ เย็นโดยเหตุนั้นจึงสามารถช่วยสำหรับการลดน้ำตาลในเลือดในระบบเลือด ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานมีกรดมากจนเกินไปในร่างกายทำให้ร่างกายหยุดผลิตอินซูลิน เหตุเพราะอินซูลินช่วยสำหรับเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงานเมื่อร่างกายมีความเป็นกรดสูงจะหยุดการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นพลังงานทำให้คนไข้สะสมระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเป็นเวลาทำงานของร่างกาย การกินน้ำใบย่านาง จะช่วยลดกรดภายในร่างกายและก็ทำให้ร่างกายเย็นลง เมื่อร่างกายมีความเป็นกรดน้อยอินซูลินจะกลับมาทำงานตามปกติ โดยเหตุนี้ สมุนไพร ย่านาง จะช่วยสร้างสมดุลให้กับผู้เจ็บป่วยเบาหวาน

กระบวนการทำน้ำคั้นใบย่านาง

ใช้ใบ 8-9 ใบล้างออกให้สะอาดรวมทั้งใช้เครื่องปั่นผสมกับน้ำ 1 1/2 ถ้วย ใช้เครื่องร่อนเพื่อกรองเส้นใยออก ยังสามารถผสมน้ำผึ้งเพิ่ม 1-2 ช้อนชาเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำใบย่านาง ดื่มเมื่อท้องว่าง 2-3 ครั้งต่อวัน สามารถทำน้ำสกัดใบย่านางได้มากขึ้นโดยใช้ใบผสมเพิ่มแล้วเติมน้ำผสมกระทั่งสีเขียวจาง
เพียงเท่านี้ก็จะได้เครื่องดื่มสมุนไพรเย็นๆมาดื่มดับร้อน แก้ไข้หวัด แก้ร้อนใน แถมยังได้ประโยชน์จากย่านางด้วย ที่สำคัญคือการดื่มน้ำสมุนไพรจะสามารถช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกสบายตัว อีกทั้งยังช่วยให้การเผาไขมันได้อีกด้วย

ได้รู้ถึงคุณประโยชน์และผลดีทุกส่วนของสมุนไพรรักษาโรค ใบย่านางกันไปแล้ว...จำเป็นต้องเรียกว่าเป็นสมุนไพร ยาอายุวัฒนะที่เราควรหามาปลูกเอาไว้ในบ้าน เด็ดใบมาต้มเป็นเครื่องดื่มประจำ กันดีกว่าจ้ะ หรือถ้าไม่สะดวกจะหาแบบแคปซูลมาทานก็ไม่ว่ากันนะค่ะ ได้ค่า คุณประโยชน์ทางยาไม่มีความแตกต่างกันค่ะ

 

ครีมนวด เมล็ด ลำไย 5 สรรพคุณ ผลข้างเคียง ประโยชน์ คลายเส้น แก้ปวดเมื่อย สูตรร้อน

ครีมนวด เมล็ด ลำไย สรรพคุณ ผลข้างเคียง ประโยชน์

ครีมลำไยสามารถใช้เป็นยารักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้อีกด้วย หากคุณรู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย หรือทำงานหนักติดต่อกันเวลานานจนร่างกายเกิดอาการเมื่อยล้า ลองใช้ครีมลำไยทานวดเบาๆบริเวณที่ปวดเมื่อยดูสิ 

หากเอ่ยถึงครีมลำไย บางท่านอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเอ่ยถึงผลไม้ที่ชื่อ ลำไย (Longan) หลายท่านอาจจะต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน ท่านคงรู้แล้วล่ะว่าลำไยนั้นเป็นผลไม้ไทยที่มีรสชาดหวานอร่อยถูกปากคนไทยมาช้านาน ลำไยในโลกนี้มีหลากหลายสายพันธุ์ และในผลไม้ที่ชื่อลำไยนั้นยังมีสารอาหาร มีสรรพคุณทางยาอยู่มากมายหลากหลายชนิด โดยทั่วไปเรามักทานลำไยสดๆกัน เพราะการทานลำไยสดนั้นจะทำให้ร่างกายสดชื่น หรือจะนำมาตากแห้งทำน้ำลำไยก็ได้ เพราะลำไยจัดเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงมาก รวมไปถึงวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ประกอบด้วย วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย แต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น คาร์โบไฮเดรส  โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม โพเทสเซียม ทองแดง ธาตุเหล็ก วิตามินซี วิตามินบี12 เป็นต้น นอกจากนี้แล้วลำไยยังมีสรรพคุณทางยารักษาโรคได้ด้วยนะ เช่น แก้อาการท้องร่วง โรคมาลาเลีย บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ยังไม่หมดอีก เพราะลำไยสามารถนำมาสกัดเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางได้อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้คือ “ครีมลำไย”ยังไงล่ะ ครีมลำไย ที่ว่านี้ดียังไง ถ้าอยากรู้วันนี้จะพามารู้จักกับประโยชน์และสรรพคุณของครีมลำไยกัน

ครีมลำไย ใช้ดี สรรพคุณล้นเหลือ

ผลิตภัณฑ์ครีมลำไยนั้น เป็นผลงานการคิดค้นจาก มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งมีการคิดค้นและวิจัยออกมาจนเป็นผลิตภัณฑ์ครีมลำไยนี่เอง ซึ่งสรรพคุณของครีมลำไยที่ว่านี้ น่าทึ่งมาก จากการศึกษาวิจัยพบว่า หนึ่งในสารสำคัญของการสกัดแยกของเมล็ดลำไย คือ อีลาจิค แอซิด (Ellagic acid) ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติป้องกันการก่อมะเร็ง (Anticacinogenic agent) และป้องการก่อการกลายพันธุ์ (Antimutagenic agent) ทั้งยังพบในปริมาณที่สูงมาก เมื่อเทียบกับพืชจำพวกราสเบอรี่ในผลงานวิจัยจากต่างประเทศ เพราะมีสารสำคัญอยู่หลายชนิดซึ่งได้แก่ สารสำคัญกลุ่มฟีนอล เช่น Gallic acid Ellagic Procyanidian สามารถช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื่นอย่างอ่อนโยนไม่ระคายเคือง ต่อต้านริ้วรอย เพราะมีสารสกัดจากเม็ดลำไย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สารฟลาโวนอยด์ สามารถปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสได้ นอกจากนี้วิตามินและแร่ธาตุต่างๆในครีมลำไยนี้ ยังมีประโยชน์ต่อผิว ต่อความสวยความงามที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะ

ประโยชน์และสรรรพคุณของครีมลำไยนั้น มีอยู่มากมายหลายประการ เรามาดูกันซิว่า ถ้าเราใช้ครีมลำไยที่ว่านั้น เราจะได้ประโยชน์อะไรกันบ้าง มาดูกันเลย

1.ครีมลำไย รักษาสิวฝ้า กระ จุดด่างดำ หากใบหน้าของเรานั้นหมองคล้ำ มีสิวฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือผิวไหม้แดด บางครั้งส่องกระจกดูใบหน้าของตัวเองอาจจะต้องตกใจในบางครั้ง ลองใช้ครีมลำไยดูแลผิวหน้าของคุณดูสิ ด้วยการใช้ ครีมลำไย ทาที่บริเวณผิวหน้าเป็นประจำทั้งเช้าและเย็น สิวฝ้า กระ จุดด่างดำจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะในครีมลำไยมีสารที่สกัดจากเมล็ดลำไยอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Longan extract, silk protein extract, Paper mulberry extract, รวมไปถึง วิตามิน E ซึ่งสารสำคัญเหล่านี้ได้รับการคิดค้นและวิจัยมาแล้วว่าปลอดภัยต่อผิวแน่นอน ไม่ว่าจะผิวแพ้ง่ายแค่ไหนก็ไม่อันตรายเพราะส่วนผสมเหล่านี้ล้วนสกัดมาจากธรรมชาติแท้ๆเลยล่ะ

2.ครีมลำไย รักษาอาการปวดเมื่อย ใช่แล้วล่ะ ครีมลำไย ไม่ได้ใช้ได้ดีเฉพาะความสวยเท่านั้น แต่ครีมลำไยสามารถใช้เป็นยารักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้อีกด้วย หากคุณร็สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย หรือทำงานหนักติดต่อกันเวลานานจนร่างกายเกิดอาการเมื่อยล้า ลองใช้ครีมลำไยทานวดเบาๆบริเวณที่ปวดเมื่อยดูสิ อาการปวดเมื่อยตามร่างกายจะค่อยๆดีขึ้น เพราะจุดเด่นที่อยู่ในเมล็ดลำไย (Longan seed extract) นั้น จะซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวและช่วยให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย อาการปวดเมื่อยหายไปอย่างเห็นได้ชัด

3.ครีมลำไยใช้บำรุงผิว ครีมลำไยเป็นครีมที่สกัดจากสารในธรรมชาติ และอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินอยู่หลายชนิด ซึ่งในผลของลำไยนั้น มีวิตามินซี เป็นสารที่ช่วยบำรุงผิว เสริมสร้างเมลานินและยับยั้งการสร้างเม็ดสีทำให้สุขภาพผิวดีและกระจ่างใส นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสารแอนตี้ออกซิเดนซ์และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งหากใช้ครีมลำไยบำรุงผิวเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าคอร์สบำรุงผิวราคาแพงๆให้เสียเงินเสียเวลาเลยล่ะ

4.ครีมลำไยช่วยรักษาแผลเรื้อรังและแผลหนอง ถ้าเป็นในสมัยโบราณต้องนำเมล็ดลำไยไปเผาเป็นเถ้าแล้วผสมกับน้ำมันมะพร้าวทาบริเวณแผล แต่ในปัจจุบันนี้ความรู้ทางการแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้น มีการคิดค้นและวิจัยจนได้รับการยอมรับแล้วว่า สารสกัดในเมล็ดลำไยสามารถใช้รักษาแผลได้ดีอีกด้วย เพียงแค่ใช้ครีมลำไยทาบริเวณที่เป็นแผลหลังจากทำความสะอาดแล้ว แผลที่เป็นหนองและแผลเรื้อรังจะค่อยๆหายดี และไม่ต้องเสียเวลากับวิธีการรักษาแบบสมัยก่อน แถมยังปลอดภัยอีกด้วยล่ะ

5.ครีมลำไยใช้แล้วหน้าขาว จริงหรือไม่? การใช้ครีมทุกชนิดทุกประเภทนั้น ไม่ได้ทำให้หน้าขาวเสมอไป โดยเฉพาะครีมทาหน้าขาวทั่วไปที่วางจำหน่ายในท้องตลาด อาจจะทำให้หน้าขาวจริง แต่มักมีส่วนผสมของสารเคมีซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากจะเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง อาจจะทำให้หน้าพังไปเลยก็ได้ ดังนั้นการหันมาใช้ครีมที่มีส่วนผสมและสารสกัดจากธรรมชาติอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี แม้จะให้ผลช้าไม่ทันใจ ก็ขอให้มองในเรื่องความปลอดภัยไว้ก่อน

ผลิตภัณฑ์ครีมลำไยใช้แล้วเกิดอาการแพ้หรือไม่?

ในการวิจัยและคิดค้นผลิตภัณฑ์ครีมลำไยจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงนั้น ได้ทำการทดสอบกับอาสาสมัครมาแล้วถึง 200 คน โดยใช้ครีมทาบริเวณที่มักเกิดอาการแพ้ แล้วใช้แผ่นกาวใสปิดทับไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ผลการทดสอบปรากฎออกมาว่าไม่มีอาสาสมัครคนใดเกิดอาการแพ้แม้แต่คนเดียว ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ครีมลำไยนี้ จะไม่เกิดอาการแพ้ และเมื่อใช้แล้วจะได้คุณประโยชน์สูงสุด หากสนใจผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับครีมลำไย

ที่มา : https://thaiherbweb.com/th/products/281455--ครีมนวด-เมล็ด-ลำไย-สรรพคุณ-ผลข้างเคียง-ประโยชน์-คลายเส้น-แก้ปวดเมื่อย

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ราคาถูกสรรพคุณ ผิว โทษ ผลข้างเคียง วิธีกิน กินขมิ้นชันทุกวัน อันตราย

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ราคาถูกสรรพคุณ ผิว โทษ ผลข้างเคียง วิธีกิน กินขมิ้นชันทุกวัน อันตรายไหม 

ก่อนที่จะมาเป็น สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล เรามาทำความรู้จักกับ สมุนไพรขมิ้นชัน กันก่อนว่าที่มาที่ไป ต้นกำเนิดมาจากไหน มีสรรพคุณ ประโยชน์ โทษ และ ผลข้างเคียง อย่างไร รวมทั้งวิธีกิน หากกินขมิ้นชันทุกวัน อันตรายไหม เกษตรกรไทย ต้องเตรียมอะไรบ้าง กว่าจะออกมาเป็น สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ราคาถูก ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่ขายดีมากในปัจจุบัน 

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน เป็นพืชสมุนไพรรักษาท้องเฟ้อที่คนไทยรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว   โดยที่ถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยนำสมุนไพรขมิ้นชันมาใช้แต่งสี แต่งกลิ่น และรสของอาหาร สรรพคุณ บำรุงผิว  ตลอดจนใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ แต่คนทั่วไปส่วนใหญ่รู้จักในชื่อว่า ขมิ้นชัน เป็นพืชที่ปลูกไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน และ ปลูกเป็นการค้า มีปลูกอยู่ทั่วไป ปลูกมากทางภาคใต้ เพราะอาหารของภาคใต้จะมีการใช้สมุนไพรขมิ้นชันเป็นส่วนผสมของอาหารเกือบทุกชนิด ใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ บำรุงผิว ขมิ้นชันแคปซูล  ลักษณะทั่วไป

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน เป็นพืชล้มลุก มีอายุหลายปี มีลำต้นจริงอยู่ใต้ดิน ลักษณะเป็นเหง้าแง่ง เนื้อในเหง้าแง่งมีสีเหลืองอมส้ม และมีกลิ่นเฉพาะตัว ส่วนลำต้นเหนือดินเกิดจากการอัดตัวกันของกาบใบ ออกดอกเป็นช่อ รูปทรงกระบอก ผล เป็นรูปกลม ภายในผลแบ่งออกเป็นพูได้ 3 พู ในแต่ละพูจะมี 2 เมล็ด

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล สรรพคุณทางยา โทษ ผลข้างเคียง วิธีกิน กินขมิ้นชันทุกวัน อันตรายไหม ราคา 

เหง้าหรือแง่งแก่ แก้อาการท้องร่วง ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุพิการ เจริญอาหาร ขับผายลม ขับเสมหะ แก้โรคกระเพาะ รักษาแผลในกระเพราะ รักษาแผลในลำไส้ แก้ไข้ท้องมาร แก้โรคเกาต์ แก้วิงเวียน แก้โรคผิวหนังผดผื่นคัน แก้กลากเกลื้อน บำรุงผิวพรรณ แก้อักเสบ แก้พิษยุงกัด แก้คัน แก้บิด สมานแผล เป็นต้น

ราก เป็นยาบำรุง ลดไข้ แก้ลมชัก แก้อาการฟกซ้ำ แก้โรคผิวหนัง ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น

รสทางยา : ฝาด กลิ่นหอมฉุน

ประโยชน์ของสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล

ด้วยคุณประโยชน์ที่ขมิ้นชัน มีวิตามิน เอ, ซี, อี ดังนั้นจึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร สมุนไพรรักษาท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง สมุนไพรรักษามะเร็ง

ขมิ้นชัน แคปซูล ช่วยรักษาอาการท้องอืด รักษาโรคท้องเฟ้อ แน่น จุก เสียด แก้โรคกระเพาะอาหาร จึงทำให้มีการผลิตสมุนไพรขมิ้นชันแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อความสะดวกแก่การรับประทาน กลายมาเป็น สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ที่ขายดีในขณะนี้นั่นเอง

กินสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ทุกวันให้เป็นอาหาร กินขมิ้นชันทุกวันอันตรายไหม แน่นอนหลายท่านคงจะไม่เข้าใจว่า กินทุกวันให้เป็นอาหารคืออะไร เรามาทำความรู้จักกับสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชันกันก่อนดีกว่า 

ขมิ้นชัน เป็นพืชล้มลุกที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหงาจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีตั้งแต่สีเหลืองเข้ม จนถึงสีแสดจัด คนไทยรู้จักกันในทางเอามาปรุงอาหาร แต่งกลิ่นอาหาร ปลาทอด ไก่ทอด แกงไตปลา และอีกสารพัดเมนู

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่างๆ รวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเป็นต้น เหง้าของสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชันนั้น มีสรรพคุณ ประโยชน์ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดมะเร็งตับ บำรุงตับ

การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า การกินขมิ้นชันตามนาฬิกาชีวิตในช่วงที่อวัยวะต่างๆเปิดการทำงาน จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของ สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชันมากขึ้น เพราะฉะนั้น เราต้องกิน สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน ให้เป็นอาหาร ต้องกินให้สนุก ไม่ใช่กินเป็นยา ใช้ปรุงอาหารบ้าง หุงข้าวใส่ขมิ้นชันก็ได้ กินแบบเม็ดแคปซูลบ้าง

ใช้รับประทานเหง้าของขมิ้นชัน โดยการปอกเปือกหรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อความสะดวกแก่การรับประทาน

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล มีประโยชน์และสรรพคุณ หลายประการ ดังนี้ 

สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล มีสรรพคุณและประโยชน์ มีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์รักษาโรคมะเร็ง ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังการคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี

การกิน สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน ให้ตรงเวลา ที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น จะได้ผลตรงกับประเด็นที่ต้องการจะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูอวัยวะ รับประทานเพียง 1 แคปซูลเท่านั้น จะออกฤทธิ์มากกว่าเวลาอื่นถึง 40 เท่าตัว แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็รับประทาน สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูลครั้งละ 1 แคปซูล ทุก ๆ 2 ชั่วโมง ถ้ารับประทานสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูลจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะทำหน้าที่ขับไขมันในตับ

เราต้องกินสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชันให้เป็นอาหาร ไม่ใช่กินเป็นยา ต้องกินให้สนุกใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่สมุนไพรขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกสมุนไพรขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากิน และยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวสมุนไพรรักษาโรคขมิ้นชันจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบางส่วน

ถ้ากินสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน สดๆ ต้องปอกเปลือกก่อน แต่ถ้าทำสมุนไพรขมิ้นชันบดเป็นผง ต้องนำสมุนไพรขมิ้นชันมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง เสร็จแล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึงจะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นแห้งความร้อนไม่ควรเกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตรอยด์ได้                     

การกิน สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ตามเวลาต่อไปนี้จะได้สรรพคุณ และ ประโยชน์ เพื่อป้องกัน โดยตรงกับอวัยวะส่วนนั้น

เวลา 03.00 - 05.00 น. ช่วยบำรุงปอด ป้องกันการเป็นมะเร็งปอด ช่วยทำให้ปอดแข็งแรง ช่วยเรื่องภูมิแพ้ของจมูกที่หายใจไม่สะดวก และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิวหนัง

เวลา 05.00 - 07.00 น. ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ถ้าเคยกินยาถ่ายมาเป็นเวลานาน ให้กินสมุนไพร ขมิ้นชันแคปซูล เวลานี้ สมุนไพร ขมิ้นชันจะมีสรรพคุณฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ แต่ต้องกินเป็นประจำ ถึงจะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบรัดตัวเพื่อขับถ่ายอย่างปกติ แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่

กลืนลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่มีปัญหาถ่ายมากเกินไปหรือถ่ายน้อยเกินไป ถ้าลำไส้ใหญ่ไม่มีปัญหา ให้กินสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน พร้อมกับสูตรโยเกิต   นมสด   น้ำผึ้ง   มะนาว หรือน้ำอุ่นก็ได้ จะไปช่วยล้างผนังลำไส้ที่มีหนวดเป็นขนเล็กๆ อยู่เป็นล้านๆ เส้น ซึ่งขนเหล่านี้มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารเพื่อไปสร้างเม็ดเลือด สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน จะช่วยล้างให้สะอาดได้ ก็จะไม่ค่อยมีขยะตกค้าง จึงไม่เกิดแก๊สพิษที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว และจะไม่ค่อยเป็นริดสีดวงทวาร ไม่เป็นมะเร็งลำไส้

เวลา 07.00 - 09.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินข้าวไม่เป็นเวลา ท้องอืด จุกแน่น ปวดเข่า ขาตึง ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม

เวลา 09.00 - 11.00 น. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลที่ปาก อ้วนเกินไป ผอมเกินไปที่เกี่ยวกับม้าม ลดอาการของโรคเกาต์ ลดอาการเบาหวาน

เวลา 11.00 - 13.00 น. สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ มีหรือไม่มี ถ้ากินสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล เวลานี้ จะช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ถ้าเลยเวลา 11.00 น.ไปแล้ว สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน จะไปทำงานที่ตับ แล้วตับจะส่งมาที่ปิด ปอดจะส่งไปยังผิวหนัง แต่ส่วนมากมาไม่ถึงเพราะกินสมุนไพรขมิ้นชันน้อยเกินไป อวัยวะส่วนอื่นจะดึงไปใช้งานก่อนเลยมาไม่ถึงผิวหนัง จึงต้องลงขมิ้นชันทางผิวหนังช่วยอีกทางหนึ่ง

เวลา 15.00 - 17.00 น. ช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้ปัญหาเรื่องตกขาวของสตรี และควรกินน้ำกระชายเวลานี้ด้วย จะช่วยดูแลหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออกจะดีมาก เพราะร่างกายต้องการขับสารพิษให้ได้มากที่สุดในเวลานี้

กินเหลือเลยเวลาจากช่วงนี้ จนไปถึงการกินก่อนนอน สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล จะไปช่วยเรื่องความจำให้ความจำดี ตื่นนอนขึ้นมา

การหาซื้อ สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน มารับประทานเอง ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชันแบบผง หรือขมิ้นชันแคปซูล ควรจะหาซื้อจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาดปลอดสารเคมี ไม่มีสารสเตียรอยด์ปลอมปน และในกระบวนการผลิตนั้นต้องไม่ผ่านความร้อนเกิน 65 องศา เพื่อคงคุณภาพของสมุนไพร ขมิ้นชันไว้

ผลการศึกษาวิจัยสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล

ได้มีการทดลองในผู้ป่วยที่ปวดท้องเนื่องจากมีแผลในกระเพาะอาหาร การทดลองผลการรักษาแผลในกระเพาะอาหารในคนโดยการส่องกล้อง พบว่า สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ช่วยให้แผลในกระเพาะอาหารหายได้ดี ผู้ป่วยต้องได้รับสมุนไพรขมิ้นชัน แคปซูล ติดต่อกันอย่างน้อย 4

สัปดาห์ เช่นเดียวกับยาแผนปัจจุบัน ช่วยรักษาอาการอาหารไม่ย่อย และ ลดการอักเสบของแผลในกระเพาะอาหาร ลด อาการปวดแสบท้อง

การรับประทานสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า วิตามินอี 80 เท่า ปัจจุบันจึงนำมาใช้ในโรคที่คาดว่าจะเกิดจากอนุมูลอิสระ อาทิ โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจ และหลอดเลือด

ข้อควรระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล

การรับประทาน สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล เพื่อการรักษาโรคใดๆ ก็ตาม ถ้าหากเรารู้ว่าเราเป็นโรคอะไร หากรับประทานไปเรื่อยๆ จนโรคนั้นหายไปแล้ว ก็ควรหยุดรับประทาน ถึงแม้ สมุนไพรขมิ้นชัน แคปซูล จะมีสรรพคุณ ประโยชน์ก็จริงแต่หากร่างกายได้รับมากเกินความต้องการอาจจะกลายเป็นโทษเสียเอง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง ผลข้างเคียงของสมุนไพรขมิ้นชัน คืออาการแพ้ เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นหากคุณรับประทานสมุนไพรขมิ้นชัน แคปซูล แล้วมีอาการดังกล่าวควรหยุดรับประทานและหายาชนิดอื่นรับประทานแทน และยังมีความเชื่อว่าสมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน โทษและข้อเสียของสมุนไพรขมิ้นชันในแถบภาคใต้ว่าการรับประทาน สมุนไพรรักษาโรค ขมิ้นชัน แคปซูล ที่มากเกินไปและถี่เกินไปนั้นแทนที่จะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แต่อาจจะเป็นมะเร็งเสียเอง

ที่มา : https://thaiherbweb.com/th/products/57173-ขมิ้นชัน-แคปซูล-สรรพคุณ-ยาสมุนไพร-ราคาถูก-ไม่มีโทษ